Mesotherapy คือ การส่งตัวยาหรือสารอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารเข้มข้นเข้าสู่ผิว ช่น วิตามิน Coenzyme Q10 แร่ธาตุ และกรดอะมิโนโดยใช้เข็มฉีดขนาดเล็ก ประมาณ 27-30 G (เล็กกว่าก้านดอกเข็ม)เข้าไปยังตำแหน่งต่างๆ โดยตรง เพื่อแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูผิวได้อย่างตรงจุด ผลที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติ แก้ปัญหาผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะทำอาจมีความรู้สึกเจ็บเหมือนโดนมดกัด แต่จะไม่มีอาการเจ็บปวด และหลังจากทำอาจเป็นรอยแดงๆ เล็ก ซึ่งจะจางหายไปในไม่ช้าควรทำประจำอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลรับที่ดี โดยตำแหน่งที่นิยมทำ Mesotherapy คือ “ใบหน้า”
ชนิดของ Mesotherapy
สลายไขมัน (Meso Fat)
เมโสชนิดนี้นั้นคือการฉีดเอนไซม์ชนิดหนึ่งลงไปบริเวณที่เราต้องการที่จะลดไขมันโดยเอนไซม์ชนิดนี้จะตรงเข้าไปย่อยสลายไขมัน และเซลลูไลท์ให้แตกตัวแล้วจึงให้ร่างกายดูดซึม และขับออกไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถทำได้ทั่วร่างกายตั้งแต่ใบหน้า ของคนที่มีแก้มเยอะ เหนียงเยอะ ยิ้มแล้วแก้มออก
เมโสหน้าใส ผิวพรรณกระจ่างใส ลดเม็ดสี
เป็นการฉีดวิตามิน แร่ธาตุ ที่เป็นอาหารที่จำเป็นต่อผิวของเราลงสู่ชั้นผิว เพื่อช่วยฟื้นฟู และบำรุงผิวอย่างล้ำลึก นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ทำให้รูขุมขนที่ดูกว้างกลับเล็กลง ผิวเอิบอิ่ม ผิวพรรณแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
เมโสลดฝ้า ลดกระ รอยสิว (Meso Melasma)
เมโสลดฝ้า ลดกระชนิดนี้จะมีสารบำรุงที่ช่วยลด และยับยั้งปัญหาสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอที่ต้นตอ โดยการลดการผลิตเม็ดสีของเซลล์ผลิตสีผิว หรือ Melanocyte ซึ่งได้ผลมากกับฝ้ากระ จากแดดที่ไม่สามารถขจัดออกได้ด้วยสกินแคร์ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดรอยดำจากสิว และหลุมสิวตื้น ๆ ได้อีกด้วย
ข้อดีของการทำ MESOTHERAPY
-
หลังรักษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
-
เห็นผลตั้งครั้งแรกที่ทำ เพื่อให้เห็นผลมากขึ้นควรรักษาให้ครบคอร์สที่แพทย์แนะนำ
-
มีส่วนช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนานมากขึ้น
-
ไม่ทำให้ผิวบาง
-
ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด ปกป้องผิวจากแสงแดด
ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล
หลังทำการรักษาจะเริ่มเห็นผลประมาณ 7-14 วัน และอยู่ได้ อีก 1-2 เดือน แนะนำฉีดสัปดาห์ละครั้งในช่วงเดือนแรก หลังจากนั้นฉีดทุก 2-4 สัปดาห์ เพื่อคงสภาพผิว การทำเมโสเทอราปีไม่มีแบบถาวร และสารในเมโสเทอราปีสามารถสลายได้หมด100% ไม่มีสารตกค้าง
การดูแลตัวเองหลักการรักษาด้วย MESOTHERAPY
– ไม่ควรนวดผิวทันทีหลังทำ ตัวยาจะแพร่กระจายเอง
– ไม่ควรขัดหรือสครับผิวทันทีหลังทำ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณรอยเข็มได้
– ควรงดทาครีมสิว หรือครีมที่อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณรอยเข็ม 1คืน
– หลังล้างหน้า สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
– หากเกิดรอยแดง รอยช้ำ จากรอยเข็มในบริเวณจุดที่ฉีด (แก้ไขโดยการประคบเย็นภายใน 48 ชม.แรก หลังจากนั้น สามารถประคบอุ่นได้ตามคำแนะนำของแพทย์) รอยแดงจะหายไป 1-3 วัน รอยช้ำจะหายไป 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล